ประกาศความเป็นส่วนตัว สำหรับลูกค้าผู้ถือ Token และพนักงาน
บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเซียล จำกัดจำกัด

บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเซียล จำกัด (“บริษัทฯ”) ตระหนักและให้ความสำคัญกับสิทธิในความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าผู้ถือ Token และพนักงาน (“ท่าน”) บริษัทฯ จึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น (“ประกาศ”) โดยมีวัตถุประสงค์ในการแจ้งให้ท่านทราบถึง รายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แนวปฏิบัติของบริษัทฯ เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านเกิดความมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดต่าง ๆ ภายใต้ประกาศฉบับนี้อย่างถี่ถ้วน โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. คำนิยาม

ในประกาศฉบับนี้ กำหนดให้คำศัพท์ที่ปรากฏ มีคำนิยามดังต่อไปนี้

“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และหมายรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายความว่า ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดที่กระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

“ข้อมูลชีวภาพ” หมายความว่า ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกิดจากการใช้เทคนิคหรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการนำลักษณะเด่นทางกายภาพหรือทางพฤติกรรมของบุคคลมาใช้ ทำให้สามารถยืนยันตัวตนของบุคคลนั้นที่ไม่เหมือนกับบุคคลอื่นได้ เช่น ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองม่านตา หรือข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ เป็นต้น

“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดาซึ่งถูกทำให้ระบุตัวตนได้ด้วยข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม

“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

“ผู้ประมวลผลขอมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

“ประมวลผล” หรือ “การประมวลผล” หมายความว่า การดำเนินการใด ๆ ซึ่งกระทำต่อข้อมูลส่วนบุคคลหรือชุดข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะโดยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ เช่น การเก็บ บันทึก จัดระบบ จัดโครงสร้างเก็บรักษา เปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยน การรับ พิจารณา ใช้ เปิดเผยด้วยการส่งต่อ เผยแพร่ หรือการกระทำอื่นใดซึ่งทำให้เกิดความพร้อม ใช้งาน การจัดวางหรือผสมเข้าด้วยกัน การจำกัด การลบ หรือการทำลาย

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม

บริษัทฯ ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นและเกี่ยวข้องเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ โดยข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมมีดังนี้

2.1 ข้อมูลระบุตัวตน เช่น คำนำหน้า ชื่อ นามสกุล ลายมือชื่อ รูปถ่าย เลขประจำตัวบัตรประชาชน เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เป็นต้น

2.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ปัจจุบัน ที่อยู่ตามเอกสารสำคัญ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ช่องทางการติดต่อในโซเชียลมีเดีย เป็นต้น

2.3 ข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน เช่น บัญชีธนาคาร เลขบัญชีธนาคาร เป็นต้น

2.4 ข้อมูลเอกสารหลักฐาน การทำนิติกรรม เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง เป็นต้น

โดยทั่วไปแล้ว บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์ที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวที่ปรากฎบนสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้นำส่งให้กับบริษัทฯ อาทิ ข้อมูลศาสนา ข้อมูลหมู่โลหิต บริษัทฯ ใคร่ขอให้ท่านดำเนินการปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวดังกล่าวด้วยตัวท่านเอง อย่างไรก็ดี หากท่านไม่ได้ดำเนินการปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว บริษัทฯ ถือว่าท่านได้อนุญาตให้ดำเนินการปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวดังกล่าวแทนท่าน และให้ถือว่าข้อมูลใด ๆ ที่ท่านได้นำส่งให้กับบริษัทฯ และได้ปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวแล้วมีผลสมบูรณ์ และใช้บังคับได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หากบริษัทฯ ไม่สามารถปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวดังกล่าวได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิค หรือปัญหาอื่นใด บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวเป็นส่วนหนึ่งของการยืนยันตัวตนเท่านั้น

3. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

โดยทั่วไปแล้ว บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบเอกสารหรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ดี ในบางกรณี บริษัทฯ อาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งไม่ได้มาจากท่านโดยตรง โดยมีรายละเอียดของแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลดังนี้

3.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้โดยตรง เช่น การกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มของบริษัทฯ การให้เอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเอกสารหรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การตอบแบบสอบถามหรือแบบประเมินความพึงพอใจ การสื่อสารและโต้ตอบกับบริษัทฯ ไม่ว่าผ่านช่องทางใดก็ตาม เป็นต้น

3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมโดยอัตโนมัติ โดยบริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติ ผ่านการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท เช่น คุกกี้ เลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address) ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (log) เป็นต้น

2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น โดยบริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลภายนอก ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอื่นนอกจากบริษัทฯ โดยแหล่งข้อมูลดังกล่าวมีอำนาจในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมทั้งเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัทฯ เช่น การได้รับข้อมูลจากองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มกลางในการซื้อขาย Token เป็นต้น

4. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ บุคคลไร้ความสามารถ บุคคลเสมือนไร้ความสามารถ

ในกรณีที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ บุคคลไร้ความสามารถ หรือบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ (เรียกรวมกันว่า “บุคคลจำกัดความสามารถ”) โดยต้องขอความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวและไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอื่นได้ บริษัทฯ จะไม่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เว้นแต่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ แล้วแต่กรณี

ในกรณีที่บริษัทฯ ได้มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลจำกัดความสามารถ และมาทราบในภายหลังถึงสถานะของความเป็นบุคคลจำกัดความสามารถ บริษัทฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยเร็ว เว้นแต่บริษัทฯ สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม

5. ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น

ในกรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บริษัทฯ ท่านมีหน้าที่แจ้งให้บุคคลดังกล่าวรับทราบถึงรายละเอียดของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ประกาศฉบับนี้ และดำเนินการขอความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวในกรณีที่การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต้องดำเนินการขอความยินยอมจากบุคคลนั้นและไม่สามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอื่นได้ ตลอดจนรับรองความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

6. ฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ บริษัทฯ จะจำกัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เท่าที่จำเป็น เกี่ยวข้องและเพียงพอต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้เท่านั้น ในเบื้องต้น บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านก่อนหรือขณะการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้ที่บริษัทฯ สามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม

6.1 เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนการเข้าทำสัญญา

6.2 เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคลธรรมดา หรือของนิติบุคคลอื่น เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

6.3 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ

ในกรณีที่การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ เป็นไปเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาหรือเพื่อดำเนินการก่อนการเข้าทำสัญญา หรือเป็นไปเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทฯ อาจส่งผลกระทบทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา ให้สิทธิประโยชน์หรือให้บริการได้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ แล้วแต่กรณี โดยในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือการให้สิทธิประโยชน์หรือให้บริการกับท่าน

7. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ โดยอาศัยฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีรายละเอียดดังนี้

โดยทั่วไปแล้ว บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ โดยอาศัยฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังนี้

ลำดับ วัตถุประสงค์ฐานทางกฎหมาย
1เพื่อให้บริการตอบข้อสงสัย ข้อสอบถาม หรือ ข้อร้องเรียนแก่ลูกค้าผู้ถือ Tokenประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
2เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าผู้ถือ Token ประกอบการทำเอกสาร ทำหักภาษี ณ ที่จ่าย และเอกสารหักภาษี ณ ที่จ่ายการปฏิบัติตามกฎหมาย
3เพื่อประกาศข้อมูลข่าวสาวของบริษัทฯ ผ่านหน้าเว็ปไซต์ และประกาศผ่านหน้า Page Facebook ของบริษัทฯ อาทิเช่น การประกาศจ่ายเงินค่าตอบแทนประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
4เพื่อนำส่งข้อมูลทางภาษีให้กับกรมสรรพากรการปฏิบัติตามกฎหมาย
5เพื่อทำจ่ายเงินเดือนให้แก่พนักงานการปฏิบัติตามสัญญา

8. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ อาจมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลดังนี้

8.1 ผู้ให้บริการภายนอก โดยที่บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ผู้ให้บริการภายนอกของบริษัทฯ เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจการของบริษัทฯ และการให้บริการ เช่น ผู้ให้บริการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น

8.2 ที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ โดยที่บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของที่ปรึกษา เพื่อประโยชน์โดยชอบของบริษัทฯ ในการขอรับคำปรึกษา เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี (external audit) ที่ปรึกษาทางกฎหมาย ทนายความ ที่ปรึกษาด้านการเงิน เป็นต้น

8.3 หน่วยงานรัฐ หน่วยงานกำกับดูแล เจ้าพนักงาน โดยที่บริษัทฯ ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย หรือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น กรมสรรพากร พนักงานสอบสวน อัยการ เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด ศาล กรมบังคับคดี กรมที่ดิน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น

บริษัทฯ จะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลต้องจัดให้มีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และจะดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ รวมถึงจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดในประกาศฉบับนี้หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น โดยในกรณีที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้ต้องขอความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะแจ้งและขอความยินยอมจากท่านเป็นการเฉพาะ

9. การส่งต่อหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

ในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ บริษัทฯ อาจส่งต่อหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลในต่างประเทศมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ หรือเพื่อทำให้แน่ใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยในบางกรณี บริษัทฯ อาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศดังกล่าว

บริษัทฯ อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบนคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือคลาวด์ (Cloud) ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของของท่าน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม

10. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ โดยคำนึงถึงนิติสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทฯ อายุความตามกฎหมายสำหรับการดำเนินคดี ตลอดจนแนวปฏิบัติของบริษัทฯ และของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทเป็นสำคัญ โดยทั่วไปแล้ว บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากท่าน

ทั้งนี้ หากครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวหรือหมดความจำเป็นที่จะต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว บริษัทฯ จะลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ดี บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งหมดหรือบางส่วนเกินกว่าระยะเวลาที่ระบุไว้ข้างต้น เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย

11. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ได้จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม โดยมาตรการดังกล่าวประกอบด้วยมาตรการเชิงองค์กร (organizational measure) มาตรการเชิงเทคนิค (technical measure) และมาตรการเชิงกายภาพ (physical measure) เพื่อคงไว้ซึ่งความลับ ความถูกต้องครบถ้วน และความพร้อมใช้งานของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข ตลอดจนเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยมาตรการดังกล่าวมีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะทบทวน ปรับปรุงและพัฒนามาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีความสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีด้านมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

12. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทฯ จะดำเนินการตามกฎเกณฑ์หรือแนวทางปฏิบัติภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชักช้าเมื่อได้รับคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยท่านมีสิทธิในการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังนี้

12.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to withdraw consent)

ในกรณีที่บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมดังกล่าว ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัทฯ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน

ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านจะไม่กระทบถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่กระทำโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนการถอนความยินยอมดังกล่าว และการถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดในประกาศฉบับนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต่อผลประโยชน์บางประการของท่าน บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านศึกษาถึงผลกระทบของการถอนความยินยอมรวมทั้งติดต่อสอบถามบริษัทฯ เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการเพิกถอนความยินยอมดังกล่าว

12.2 สิทธิในการขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล (Right of access and retrieve a copy of Personal Data)

ท่านมีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมไว้ และขอรับสำเนาของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ตลอดจนมีสิทธิขอให้บริษัทฯ เปิดเผยถึงแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม เว้นแต่เป็นกรณีที่เป็นการปฏิเสธตามกฎหมายหรือคำสั่งศาลหรือเป็นกรณีที่จะมีผลกระทบต่อความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

12.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (Right to data portability)

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นได้ เว้นแต่บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิค หรือเป็นกรณีที่จะมีผลกระทบต่อความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือบริษัทฯ มีเหตุอื่นในการปฏิเสธคำขอของท่านได้ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

12.4 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Right to object to processing)

ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ ประมวลผลภายใต้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น รวมทั้งการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ

เว้นแต่ บริษัทฯ สามารถแสดงเหตุผลได้ว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ

12.5 สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล (Right to erasure)

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ดำเนินการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ในกรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกประมวลผลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือท่านเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในประกาศฉบับนี้ หรือท่านได้ใช้สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ บริษัทฯ มีเหตุอื่นในการปฏิเสธคำขอของท่านได้ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

12.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to restriction of processing)

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีดังนี้

(1) บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบคำขอใช้สิทธิในการขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล หรืออยู่ระหว่างการตรวจสอบคำขอใช้สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อปฏิเสธการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

(2) เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ต้องลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไม่สามารถระบุตัวตนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ แต่ท่านประสงค์ขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแทน

(3) เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งในประกาศฉบับนี้ แต่ท่านประสงค์ขอให้บริษัทฯ เก็บรักษาต่อไปเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

12.7 สิทธิในการขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล (Right to rectification)

ในกรณีที่ท่านมีการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านเคยให้ไว้กับบริษัทฯ ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง หรือท่านเห็นว่าบริษัทฯ มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ หรืออาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

12.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to complain)

ในกรณีที่ท่านเห็นว่าบริษัทฯ หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ตลอดจนลูกจ้าง พนักงาน ผู้มีอำนาจกระทำการแทน ของบริษัทฯ หรือของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิร้องเรียนไปยังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ ก่อนการร้องเรียนดังกล่าว บริษัทฯ ใคร่ขอให้ท่านติดต่อมายังบริษัทฯ เสียก่อน เพื่อให้บริษัทฯ รับทราบถึงข้อเท็จจริงและปัญหาของท่าน และให้บริษัทฯ ชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมทั้งดำเนินการแก้ไขปัญหาของท่านในเบื้องต้น

13. การใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านสามารถยื่นคำร้องขอใช้สิทธิได้ตลอดระยะเวลา โดยติดต่อบริษัทฯ ผ่านช่องทางตามที่ระบุในข้อ 16 อย่างไรก็ดี ในการยื่นคำร้องขอใช้สิทธิ บริษัทฯ มีความจำเป็นที่จะต้องขอข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในบางประการเพื่อการพิสูจน์ตัวตนและรับรองสิทธิของท่านในการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้ที่ไม่มีอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทฯ จะดำเนินการตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านภายใน 30 วันนับจากวันที่บริษัทฯ ได้รับคำร้องขอใช้สิทธิ ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจใช้ระยะเวลามากกว่า 30 วันในการดำเนินการหากคำร้องขอใช้สิทธิของท่านมีความซับซ้อนหรือคำขอมีจำนวนมาก ในกรณีที่มีความล่าช้าในการดำเนินการ บริษัทฯ จะแจ้งท่านถึงสาเหตุของความล่าช้าดังกล่าวและแจ้งให้ท่านทราบถึงสถานะการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน

บริษัทฯ จะไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน เว้นแต่คำร้องขอใช้สิทธิดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล อาทิ บริษัทฯ ไม่ได้จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือคำร้องขอดังกล่าวเป็นคำร้องขอฟุ่มเฟือย อาทิ เป็นคำร้องขอลักษณะเดียวกันหรือมีเนื้อหาเดียวกันซ้ำ ๆ กันโดยปราศจากเหตุอันสมควร ดังนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามความเหมาะสมหรือปฏิเสธคำร้องขอใช้สิทธิดังกล่าว

บริษัทฯ อาจปฏิเสธคำร้องขอใช้สิทธิของท่านได้ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ในกรณีที่บริษัทฯ ปฏิเสธคำร้องขอใช้สิทธิของท่าน บริษัทฯ จะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบต่อไป

14. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม

บริษัทฯ มีสิทธิในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป ท่านสามารถใช้สิทธิขอเพิกถอนความยินยอมของท่านได้

15. การเปลี่ยนแปลงในประกาศฉบับนี้

บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการทบทวน ปรับปรุง แก้ไข เพิ่มเติมประกาศฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือแนวปฏิบัติของบริษัทฯ เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงในประกาศฉบับนี้ บริษัทฯ จะเผยแพร่ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับปรับปรุงแก้ไขล่าสุดลงในเว็บไซต์ของบริษัทฯ

16. การติดต่อบริษัทฯ

ในกรณีที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อกำหนดในประกาศฉบับนี้ หรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือมีความประสงค์ต้องการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อ 12 ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ผ่านช่องทางการติดต่อดังนี้

ชื่อ: บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเซียล จำกัด

ที่อยู่: 989 อาคารสยามพิวรรธน์ ชั้น 12A ถนนพระรามที่ 1 แขวง/เขต ปทุมวัน, กรุงเทพ, 10330

เบอร์โทรศัพท์: 0812030000

อีเมล: [email protected]

17. กฎหมายที่ใช้บังคับ

ประกาศฉบับนี้อยู่ภายใต้บังคับและการตีความตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย และให้ศาลไทยที่มีเขตอำนาจเป็นผู้มีอำนาจตัดสินชี้ขาดข้อพิพาทใด ๆ ก็ตามที่เกิดจากหรือที่เกี่ยวข้องกับประกาศฉบับนี้